ชีวประวัติ อาจารย์ชุม ไชยคีรี

ชีวประวัติอาจารย์ชุม ไชยคีรี
ท่านเกิด ณ ตำบลห้วยลึก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 880 กิโลเมตร ในตระกูลชาวนา พ่อแม่ให้ชื่อว่าชุม เป็นที่รักใคร่ของผู้ให้กำเนิดเป็นอันมาก เพราะปรากฏว่าเป็นเด็กฉลาดเฉลียวมีความสนใจในการแสวงหาความรู้ผิดจากเด็กธรรมดาในสมัยนั้นโดยทั่วไป
ประการสำคัญก็คือสนใจในทางความรู้เกี่ยวกับคาถาอาคมตามบรรพบุรุษ ซึ่งเชี่ยวชาญวิชานี้เป็นที่เลื่องลือรู้จักกันทั่วไปในหมู่บ้านใกล้เคียง ความรู้ต่าง ๆ ทางไสยศาสตร์จึงถูกถ่ายทอดมายังลูกชายหมดสิ้น ไม่ว่าทางคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม สรรพศาสตร์ไสยทุกอย่างที่มีอยู่ พร้อมกันนั้นได้ศึกษาเล่าเรียน กอ ขอ กอ กา ไปด้วยกับอาจารย์ซึ่งเป็นพระภิกษุที่วัดใกล้บ้านในตำบลนั้น และด้วยนิสัยฝักใฝ่ในทางนี้จริงจัง ชุม ได้เสาะแสวงหาความรู้ทางไสยศาสตร์พอกพูนใส่ตัวเองตลอดเวลา ไม่ว่าจะทราบกิตติศัพท์ มีอาจารย์ดี ๆ ที่ไหนเป็นต้องเดินทางไปขอมอบตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนจนถึงที่
ต่อมาเมื่อครบปีบวช ชุม ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เป็นศิษย์ตถาคตภิกษุ ณ วัดดอนประดู่ ตำบลห้วยลึก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ศึกษาพระธรรมวินัยพร้อมเสาะแสวงหาความรู้ทางไสยศาสตร์ไปด้วยตลอดเวลา ได้จาริกไปทั่วเกือบทุกจังหวัดในภาคใต้
อาจารย์ซึ่งประสิทธิ์ประสาทอาคมขลังให้ภิกษุชุม ไชยคีรี ขณะนั้นองค์หนึ่ง อันควรจะกล่าวถึงในที่นี้คือท่านพระครูสิทธิยาภิรัต เจ้าอาวาสวัดดอนศาลา อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พระครูสิทธิยาภิรัตรูปนี้ เป็นที่เลื่องลือเลื่อมใสกันทั่วทั้งภาคใต้ในทางคงกระพันชาตรี มีลูกศิษย์ลูกหาศรัทธาเลื่อมใสมากมาย อาทินายตำรวจมือปราบฉมังชั้นแหวนอัศวินคือ พ.ต.ท. ขุนพันธรักษ์ราชเดช อัศวินมือปราบแห่งภาคใต้และเคยขับเคี่ยวกับขุนโจรฝ่ายสิบทิศ เสือมเหศวรแห่งเดิมบางนางบวชเมืองสุพรรณมา ได้เป็นศิษย์รักหัวแก้วหัวแหวนของท่านพระครูสิทธิยาภิรัตคนนึงเหมือนกัน
ท่านพระครูรูปนี้ได้ถ่ายทอดวิชาไสยศาสตร์ให้ภิกษุชุมจนหมดสิ้น โดยเฉพาะทางคงกระพันชาตรี จนเป็นที่ปรากฏว่าภิกษุชุมได้เป็นตัวแทนของคณาจารย์ในทางนี้ กิตติศัพท์ของภิกษุชุมจึงระบือไปทั่วเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนทั่วไป ดังจะเห็นได้จากการถูกนิมนต์ไปเป็นอาจารย์อยู่ที่กองทหารราบ ร.พัน 5 คอหงส์ จังหวัดสงขลา เพื่อทำพิธีปลุกเสกของขลังเครื่องรางและลงกระหม่อมให้เป็นคงกระพันชาตรี ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยกำลังทำสงครามอยู่กับอินโดจีน ฝรั่งเศส
นอกจากนั้น ภิกษุชุม ทำพิธีสร้างพระผงพุทธนิมิตแจกจ่ายแก่ทหารไว้ป้องกันตัวทั่วทั้งภาคใต้ ซึ่งพระผงพุทธนิมิตดังกล่าวได้ประจักษ์ผลทางคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาดเป็นที่เลื่อมใสแก่บรรดานักรบที่ได้ไปสงครามอินโดจีนเป็นอันมาก
อาจารย์ชุมได้ลาสิกขาบทมาดำรงชีวิตฆราวาสเมื่อปลายปี 2496 หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ 10 พรรษา เมื่อลาสิกขาบทแล้ว ก็ได้หันมาใช้ชีวิตค้าขายเป็นอาชีพ โดยมีหลักฐานบ้านช่องมั่นคงมีอันจะกิน อยู่ที่อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง อันเป็นถิ่นกำเนิดนั่นเอง
อย่างไรก็ดี แม้ว่าอ.ชุมเป็นฆราวาส ซึ่งผิดกับบรรดาอาจารย์ไสยศาสตร์โดยมากมักจะอยู่ในสมณเพศ แต่อ.ชุม ถือเคร่งในคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาเป็นที่สุด ทุกๆปีเมื่อถึงเวลาเข้าพรรษา อาจารย์ชุม ต้องเข้าพรรษา ปฏิบัติตนดุจพระภิกษุสงฆ์ทุกประการ ตลอดทั้ง 3 เดือน โดยนุ่งขาวห่มขาวและออกจากบ้านไปบำเพ็ญกิจอยู่ที่วัด บางทีก็จารึกไปนั่งกรรมฐานหรือวิปัสสนาด้วยตนเองตามถ้ำหรือภูเขาได้เงียบสงบ พร้อมกันนั้นทำการสอนทางไสยศาสตร์แก่บรรดาศิษย์หรือผู้เลื่อมใสไปด้วย และเมื่อออกพรรษาทุกๆปี เรียกประชุมคณะศิษย์ทำพิธียกครู ชักนำศิษย์ทำบุญเช่นทอดกฐินปีละหลายๆวัด
อาจารย์ชุมใช้จะเชี่ยวชาญทางคาถาคงกระพันอย่างเดียว ทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุดกันปืนผาหน้าไม้ก็เชี่ยวชาญเหมือนกัน
สำหรับการปลุกเสกพระเครื่องของอาจารย์ชุมนั้นจะแบ่งเป็น 3 ขั้นคือ
ขั้นที่ 1 นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นอาจารย์สวดพุทธมงคลคาถาอาทิพุทธคุณ พาหุงบทละ 108 จบ
ขั้นที่ 2 อาจารย์ชุมทำพิธีเสกเอง บรรดาคาถาพุทธเวทมหามนตร์และอาถรรพ์เวททางคงกระพันชาตรี มหาอุด ทางเมตตามหานิยมและแคล้วคลาด บทละ 108 จบเช่นเดียวกัน
ขั้นที่ 3 ได้ทำพิธีอัญเชิญวิญญาณของอาจารย์คงพร้อมทั้งองเทวดาศักดิ์สิทธิ์ประจำโลกมาร่วมเสกหลังจากเวลาเที่ยงคืนล่วงทุกคืนเป็นประจำจนกระทั่งผสมผงต่าง ๆ สำเร็จ
ร้าน บี พระเครื่อง
www.myamulet.com
ท่านเกิด ณ ตำบลห้วยลึก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 880 กิโลเมตร ในตระกูลชาวนา พ่อแม่ให้ชื่อว่าชุม เป็นที่รักใคร่ของผู้ให้กำเนิดเป็นอันมาก เพราะปรากฏว่าเป็นเด็กฉลาดเฉลียวมีความสนใจในการแสวงหาความรู้ผิดจากเด็กธรรมดาในสมัยนั้นโดยทั่วไป
ประการสำคัญก็คือสนใจในทางความรู้เกี่ยวกับคาถาอาคมตามบรรพบุรุษ ซึ่งเชี่ยวชาญวิชานี้เป็นที่เลื่องลือรู้จักกันทั่วไปในหมู่บ้านใกล้เคียง ความรู้ต่าง ๆ ทางไสยศาสตร์จึงถูกถ่ายทอดมายังลูกชายหมดสิ้น ไม่ว่าทางคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม สรรพศาสตร์ไสยทุกอย่างที่มีอยู่ พร้อมกันนั้นได้ศึกษาเล่าเรียน กอ ขอ กอ กา ไปด้วยกับอาจารย์ซึ่งเป็นพระภิกษุที่วัดใกล้บ้านในตำบลนั้น และด้วยนิสัยฝักใฝ่ในทางนี้จริงจัง ชุม ได้เสาะแสวงหาความรู้ทางไสยศาสตร์พอกพูนใส่ตัวเองตลอดเวลา ไม่ว่าจะทราบกิตติศัพท์ มีอาจารย์ดี ๆ ที่ไหนเป็นต้องเดินทางไปขอมอบตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนจนถึงที่
ต่อมาเมื่อครบปีบวช ชุม ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เป็นศิษย์ตถาคตภิกษุ ณ วัดดอนประดู่ ตำบลห้วยลึก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ศึกษาพระธรรมวินัยพร้อมเสาะแสวงหาความรู้ทางไสยศาสตร์ไปด้วยตลอดเวลา ได้จาริกไปทั่วเกือบทุกจังหวัดในภาคใต้
อาจารย์ซึ่งประสิทธิ์ประสาทอาคมขลังให้ภิกษุชุม ไชยคีรี ขณะนั้นองค์หนึ่ง อันควรจะกล่าวถึงในที่นี้คือท่านพระครูสิทธิยาภิรัต เจ้าอาวาสวัดดอนศาลา อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พระครูสิทธิยาภิรัตรูปนี้ เป็นที่เลื่องลือเลื่อมใสกันทั่วทั้งภาคใต้ในทางคงกระพันชาตรี มีลูกศิษย์ลูกหาศรัทธาเลื่อมใสมากมาย อาทินายตำรวจมือปราบฉมังชั้นแหวนอัศวินคือ พ.ต.ท. ขุนพันธรักษ์ราชเดช อัศวินมือปราบแห่งภาคใต้และเคยขับเคี่ยวกับขุนโจรฝ่ายสิบทิศ เสือมเหศวรแห่งเดิมบางนางบวชเมืองสุพรรณมา ได้เป็นศิษย์รักหัวแก้วหัวแหวนของท่านพระครูสิทธิยาภิรัตคนนึงเหมือนกัน
ท่านพระครูรูปนี้ได้ถ่ายทอดวิชาไสยศาสตร์ให้ภิกษุชุมจนหมดสิ้น โดยเฉพาะทางคงกระพันชาตรี จนเป็นที่ปรากฏว่าภิกษุชุมได้เป็นตัวแทนของคณาจารย์ในทางนี้ กิตติศัพท์ของภิกษุชุมจึงระบือไปทั่วเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนทั่วไป ดังจะเห็นได้จากการถูกนิมนต์ไปเป็นอาจารย์อยู่ที่กองทหารราบ ร.พัน 5 คอหงส์ จังหวัดสงขลา เพื่อทำพิธีปลุกเสกของขลังเครื่องรางและลงกระหม่อมให้เป็นคงกระพันชาตรี ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยกำลังทำสงครามอยู่กับอินโดจีน ฝรั่งเศส
นอกจากนั้น ภิกษุชุม ทำพิธีสร้างพระผงพุทธนิมิตแจกจ่ายแก่ทหารไว้ป้องกันตัวทั่วทั้งภาคใต้ ซึ่งพระผงพุทธนิมิตดังกล่าวได้ประจักษ์ผลทางคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาดเป็นที่เลื่อมใสแก่บรรดานักรบที่ได้ไปสงครามอินโดจีนเป็นอันมาก
อาจารย์ชุมได้ลาสิกขาบทมาดำรงชีวิตฆราวาสเมื่อปลายปี 2496 หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ 10 พรรษา เมื่อลาสิกขาบทแล้ว ก็ได้หันมาใช้ชีวิตค้าขายเป็นอาชีพ โดยมีหลักฐานบ้านช่องมั่นคงมีอันจะกิน อยู่ที่อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง อันเป็นถิ่นกำเนิดนั่นเอง
อย่างไรก็ดี แม้ว่าอ.ชุมเป็นฆราวาส ซึ่งผิดกับบรรดาอาจารย์ไสยศาสตร์โดยมากมักจะอยู่ในสมณเพศ แต่อ.ชุม ถือเคร่งในคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาเป็นที่สุด ทุกๆปีเมื่อถึงเวลาเข้าพรรษา อาจารย์ชุม ต้องเข้าพรรษา ปฏิบัติตนดุจพระภิกษุสงฆ์ทุกประการ ตลอดทั้ง 3 เดือน โดยนุ่งขาวห่มขาวและออกจากบ้านไปบำเพ็ญกิจอยู่ที่วัด บางทีก็จารึกไปนั่งกรรมฐานหรือวิปัสสนาด้วยตนเองตามถ้ำหรือภูเขาได้เงียบสงบ พร้อมกันนั้นทำการสอนทางไสยศาสตร์แก่บรรดาศิษย์หรือผู้เลื่อมใสไปด้วย และเมื่อออกพรรษาทุกๆปี เรียกประชุมคณะศิษย์ทำพิธียกครู ชักนำศิษย์ทำบุญเช่นทอดกฐินปีละหลายๆวัด
อาจารย์ชุมใช้จะเชี่ยวชาญทางคาถาคงกระพันอย่างเดียว ทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุดกันปืนผาหน้าไม้ก็เชี่ยวชาญเหมือนกัน
สำหรับการปลุกเสกพระเครื่องของอาจารย์ชุมนั้นจะแบ่งเป็น 3 ขั้นคือ
ขั้นที่ 1 นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นอาจารย์สวดพุทธมงคลคาถาอาทิพุทธคุณ พาหุงบทละ 108 จบ
ขั้นที่ 2 อาจารย์ชุมทำพิธีเสกเอง บรรดาคาถาพุทธเวทมหามนตร์และอาถรรพ์เวททางคงกระพันชาตรี มหาอุด ทางเมตตามหานิยมและแคล้วคลาด บทละ 108 จบเช่นเดียวกัน
ขั้นที่ 3 ได้ทำพิธีอัญเชิญวิญญาณของอาจารย์คงพร้อมทั้งองเทวดาศักดิ์สิทธิ์ประจำโลกมาร่วมเสกหลังจากเวลาเที่ยงคืนล่วงทุกคืนเป็นประจำจนกระทั่งผสมผงต่าง ๆ สำเร็จ
ร้าน บี พระเครื่อง
www.myamulet.com